สถานีโทรทัศน์ CNBC เปิดเผยรายงานพิเศษ รวบรวมข้อมูลเชิงสถิติจากหลายสำนัก
ที่ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หรืออาเซียน
กำลังลุกลามรุนแรงและสร้างความเสียหายอย่างหนักหน่วงมากกว่าช่วงที่เริ่มมีการระบาดระลอกแรก
เป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่มาตรการทั้งหลายที่รัฐบาลในอาเซียนนำมาใช้
ตั้งแต่การล็อกดาวน์ การเว้นระยะห่าง และการปิดพรมแดน ไร้ผลคืบหน้า
ขณะที่การปูพรมฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างล่าช้า
ทำให้ภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนในปี 2021
อาจไม่สดใสอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้
เริ่มต้นด้วยข้อมูลตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันจาก Our World in Data แสดงให้เห็นว่า ประเทศเศรษฐกิจหลักๆ ในอาเซียน คือ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์
และไทย ต่างมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงเดือนสิงหาคม
โดยมาเลเซียมีอัตราการพบผู้ติดเชื้อโดยรวมมากที่สุดในภูมิภาค ตามด้วย ไทย
อินโดนีเซีย และเวียดนาม
ด้าน Bank of America ประเมินว่า
อัตราผู้ติดเชื้อรายวันโดยเฉลี่ยของอาเซียนเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นทุบสถิติที่ 162% มาอยู่ที่ 72,200 คนต่อวัน
ขณะที่อัตราการเสียชีวิตต่อวันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3 เท่าจาก 500
ราย เป็น 1,500 รายต่อวัน โดยอินโดนีเซีย
และมาเลเซียมีอัตราผู้เสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาค
สถานการณ์ที่รุนแรงของการระบาด บีบให้รัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคประกาศล็อกดาวน์อย่างจริงจัง รวมถึงการใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเข้มงวด เพื่อพยายามชะลอการระบาด ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงโรงพยาบาล และถังออกซิเจน โดยขณะที่มาเลเซีย และสิงคโปร์เริ่มผ่อนคลาย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.thestandard.com